วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เนลสัน แมนเดลา Nelson Rolihlahla Mandela madiba

คุณเคยติดคุกมั้ยครับ ? คุณเชื่อมั้ยว่าคนเคยติดคุกกว่า 18 ปี จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ได้ จะกลับมาเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของโลกที่ต้องจดจำไปตลอดกาล เขาคนนั้นคือ "เนลสัน แมนเดลา" ทำไมเขาถึงเป็นมหาบุรุษของโลก ?


เนลสัน แมนเดลา (Nelson Rolihlahla Mandela madiba) หรือที่ชาวแอฟริกาใต้เรียกสั้นๆว่า "มาดิบ้า" เกิดเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2461 เดิมมืชื่อจริงว่า "โรลีห์ลาห์ลา" มีเชื้อสายราชวงศ์เทมบู ปกครองในจังหวัดอีสเทิร์นแคป ประเทศแอฟริกาใต้  เมื่อได้เข้าศึกษาในโรงเรียนครูภาษาอังกฤษตั้งชื่อให้ว่า "เนลสัน" เขาสำเร็จการศึกษาทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยวิทส์วอเทอแรนต์หลักสูตรทางไกลกับมหาลัยในกรุงลอนดอน การศึกษาทำให้เนลสันได้เจอผู้คนมากมาย มีความคิดแบบเสรีนิยม ในสมัยก่อนประเทศแอฟริกาใต้ มีการเหยียดผิวอย่างรุนแรง มีการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน โดยชนชั้นปกครองประเทศเป็นคนผิวขาว ส่วนคนส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ 


ต่อมาเนลสันเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยต่อสู้กับการเหยียดผิว และจนถูกรัฐบาลจับกุมในปี 2499 ข้อหา กบฎ แต่ในครั้งนั้นเนลสันโชคดีที่คดีสิ้นสุดลงโดยไม่่มีความผิด แต่ต่อมาหลังจากนั้นเนลสัน ยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะเป็นผู้นำกองกำลังติดอาวุธแห่งสมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน หรือ ANC ได้ต่อต้านการเหยียดสีผิวและรัฐบาลด้วยวิธีการรุนแรง มีการก่อวินาศกรรมหลายครั้งในประเทศ จนกระทั่งถูกจับได้และถูกแจ้งข้อหาวินาศกรรม และต่อสู้คดีมาโดยตลอดจนในปี 2507 เนลสันถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 18 ปี บนเกาะรอบเบนและเรือนจำโพลส์มัวร์บนแผ่นดินใหญ่


ตลอดระยะเวลาที่เนลสันติดคุก ประเทศแอฟริกาใต้ยังคงมีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลด้วยความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ANC ยังคงปฏิบัติการใต้ดิน อีกทั้งมีการเคลื่อนไหวในเวทีต่างประเทศเพื่อกดดันรัฐบาลแอฟริกาใต้ให้ปล่อยตัวเนลสันอยู่ตลอดเวลาจนรัฐบาลทนแรงกดดันไม่ไหวและยอมปล่อยตัวในที่สุด ในปี พ.ศ. 2536 เนลสันได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ อีกทั้งต่อมาชาวแอฟริกาใต้ทุกผิวสี ได้ลงคะแนนเสียงให้เขาเปนประธานาธิบดี ของแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2537 


การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีประเทศแอฟริกาใต้ ของนายเนลสัน แมนเดลา ไม่เพียงจะได้รับการจดจำว่า เขาเป็นชาวผิวดำคนแรกที่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำของแอฟริกาใต้เท่านั้น   ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขายังได้รับการบันทึกและจดจำ ทั้งในฐานะของวีรบุรุษ  ผู้ความกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์ และศรัทธาอย่างแรงกล้า เช่นเดียวกับความอ่อนน้อมถ่อมตน มีเสน่ห์ ซื่อสัตย์ และเอาใจใส่ต่อผู้อื่นเสมอมา


ซึ่งต่อมาเขาได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการเหยียสีผิวเป็นลำดับต้นๆ จนถึงเดือน มิ.ย. 2542 ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีและใช้เวลาส่วนใหญ่กับการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนและความรู้เรื่องเอดส์ในประเทศแอฟริกาใต้ 


เนลสัน แมนเดลา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ที่บ้านของเขาในโจฮันเนสเบิร์ก หลังจากเจ็บป่วยมาเป็นเวลานาน 

(รำลึกมหาบุรุษโลก เนลสัน แมนเดลา http://www.youtube.com/watch?v=W-Qs-QL195U)


ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะไม่รู้จักเขาครับ ผมก็คนนึงที่เหมือนเคยได้ยินชื่อแต่ไม่รู้จัก ผมขอแนะนำหนังดีดีครับ ที่จะช่วยสร้างแรงบัลดาลใจและแนะนำให้รู้จักเขากับมหาบุรุษของโลกผู้นี้มากขึ้นครับ





INVICTUS ชัยชนะที่ใหญ่ยิ่งจะตามมาหลังจากการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ 


Invictus ชื่อเรื่องภาพยนตร์นำมาจากชื่อบทกวีในชื่อเดียวกัน ของกวีชาวอังกฤษที่ชื่อ William Ernest Henley ที่ประพันธ์ไว้ตั้งแต่ปี1875 ในขณะที่เขาป่วยอยู่ในโรงพยาบาล แม้เขาจะถูกตัดขาไปหนึ่งข้างจากโรคร้ายแต่ด้วยกำลังใจที่มีดั่งปรากฏในบทกวีของเขาทำให้เขาเอาชนะชะตากรรมและดำรงชีวิตอยู่กับความสำเร็จในการสอบเป็นนักศึกษาของอ็อกฟอร์ดได้ Invictus เป็นภาษาละตินที่แปลว่า unconquered หรือ ไร้พ่าย” แม้ว่าเป็นบทกวีที่ให้แรงบันดาลใจแต่ก็ขึ้นอยู่กับการตีความและการนำไปใช้ เนลสัน แมนเดลล่า เลือกที่ไม่โทษต่อสิ่งใดๆที่ทำให้เขาถูกคุมขังไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาวหรือสิ่งอื่นๆ แต่หัวใจและจิตวิญญาณของเขาต่างหากที่กำลังถูกทดสอบว่าจะ ไร้พ่าย หรือไม่ และหนทางที่เขาและคนทั้งประเทศจะได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ก็คือ การให้อภัย เนลสัน แมนเดลล่า เลือกที่จะให้อภัยและก็นำพาคนทั้งประเทศให้อภัยกัน คนผิวขาวหวาดกลัวคนผิวดำในการแก้แค้น คนผิวดำโกรธแค้นคนผิวขาวที่ถูกกดขี่ มีเพียงการให้อภัยกันเท่านั้นที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้สูญหายไป โดยใช้กีฬารักบี้ และเหตุการณ์ที่ประจวบเหมาะคือช่วงเวลาของการแข่งขันชิงแชมป์โลกเป็นแรงบันดาลใจว่าทีมนอกสายตาอย่างสปริงบ็อกซ์จะคว่ำทั้งทีมวัลลาบีและออลแบล็คตัวเต็งของการแข่งขันจนเป็นแชมป์โลกได้ และกุศโลบายของการร่วมแรงเชียร์ของคนผิวขาวและดำในความเป็นชาติเดียวกันก็นำไปสู่การรวมเป็นหนึ่งเดียวสำเร็จจนทุกวันนี้จากชาติที่มีความขัดแย้งที่มีความรุนแรงในประวัติศาสตร์

 http://www.youtube.com/watch?v=RZY8c_a_dlQ